วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

อักษรนำ




  




                                  
              


ความสำคัญ

         

คำอักษรนำมีความสำคัญในฐานะที่ช่วยให้ภาษาไทยมีคำสำหรับใช้สื่อสารเพิ่มมากขึ้น เราจะพบว่าคำที่มี
พยัญชนะต้นเป็นอักษรต่ำเดี่ยว (อักษรต่ำเดี่ยวมี ๑๐ ตัว คือ ม ง ย ญ ล ว น ณ ร ฬ) เช่น งา นา มา จะผันเสียง
วรรณยุกต์ได้เพียง ๓ เสียง ถ้าต้องการให้ผันครบ ๕ เสียง จะต้องนำด้วยอักษรสูง โดยทั่วไปจะใช้ตัว " ห " นำหน้า
คำอักษรต่ำเดี่ยวเหล่านั้น เช่น นา น่า น้า เมื่อนำ "ห" มาประสมข้างหน้าให้เป็นคำอักษรนำ จะผันเสียงได้เป็น ๕ เสียง

    คำอักษรนำจึงมีคุณค่าในฐานะที่ทำให้ภาษาไทยมีคำที่ใช้เพิ่มมากขึ้นและทำให้อักษรต่ำเดี่ยวผันเสียงวรรณยุกต์
ได้ครบทั้ง ๕ เสียง

พยัญชนะสองตัวเรียงกัน
อักษรสูงอักษรกลางนำพา
อักษรตัวตามอักษรต่ำเดี่ยว
เหมือนมีตัว “ห” มานำทุกคำ

ร่วมสระผันในหลักภาษา
อักษรตัวหน้าเรียก “อักษรนำ”
เสียงที่ข้องเกี่ยวมันดูลึกล้ำ
ขอให้จดจำแล้วก็ทำใจ

ความหมาย


คำอักษรนำ คือ คำที่มีพยัญชนะ ๒ ตัว ประสมสระเดียวกัน มีหลักการอ่านดังนี้
๑. อ่านออกเสียงร่วมกันสนิทเป็นพยางค์เดียว ได้แก่
๑.๑ เมื่อ ห นำอักษรต่ำ เช่น หยุด หวาน หลอก หญิง เหงา หรูหรา
๒.๒ เมื่อ อ นำ ย มี ๕ คำ คือ อย่า อยู่ อย่าง อยาก
๒. อ่านออกเสียง ๒ พยางค์ พยางค์แรกออกเสียง อะ กึ่งเสียง พยางค์หลังออกเสียงตามสระที่ประสม
อยู่และออกเสียงเหมือน ห นำ
๒.๑ อักษรสูงนำอักษรต่ำเดี่ยว เช่น


สมาน อ่านว่า สะ - หมาน
ผนวช อ่านว่า ผะ - หนวด
สนอง อ่านว่า สะ - หนอง
ผนวก อ่านว่า ผะ - หนวก
ถนอม อ่านว่า ถะ - หนอม
ผนึก อ่านว่า ผะ - หนึก
จมูก อ่านว่า จะ – หมูก
จรัส อ่านว่า จะ - หรัด



ถวาย อ่านว่า ถะ – หวาย
สงวน อ่านว่า สะ - หงวน
ตลาด อ่านว่า ตะ - หลาด
ผยอง อ่านว่า ผะ - หยอง
ขยาย อ่านว่า ขะ - หยาย
ฉลาม อ่านว่า ฉะ - หลาม
สมุด อ่านว่า สะ - หมุด





อักษรสูงนำอักษรต่ำเดี่ยว
มิใช่ ผะ – นวด อย่างที่เคยใช้
อักษรกลางนำอักษรต่ำเดี่ยว
มิใช่ ตะ - ลาดอย่างที่เคยทำ



ผะ –หนวด(ผนวช)ตัวเดียวเสียงก็เปลี่ยนไป
เสียง “น” เปลี่ยนไปตามอักษรนำ
ตะ – หลาด(ตลาด)ตัวเดียวเสียงก็เปลี่ยนคำ
ฝึกจดฝึกจำเอาไว้ให้ดี



๒.๒ อักษรกลางนำอักษรต่ำเดี่ยว เช่น


องุ่น อ่านว่า อะ - หงุ่น
ตลาด อ่านว่า ตะ - หลาด
ตลก อ่านว่า ตะ - หลก
ตลิ่ง อ่านว่า ตะ - หลิ่ง
กนก อ่านว่า กะ – หนก



จมูก อ่านว่า จะ - หมูก
ปรอด อ่านว่า ปะ - หรอด
ตลอด อ่านว่า ตะ –หลอด
อนาถ อ่านว่า อะ - หนาด
กฤษณา อ่านว่า กริด – สะ-หนา







แต่ สะ – บาย(สบาย)ไม่ใช่อักษรนำ
เสียง “อะ” ไม่ประวิสรรชนีย์



เมื่อแยกคำอ่าน สะ – บาย คงที่
กึ่งเสียงเท่านี้ไม่มี “ห” นำ






หากตัว “ห” นำอักษรต่ำเดี่ยว
เสียงที่เปลี่ยนไปคืออักษรต่ำ
หากมี “อ” นำอักษรต่ำเดี่ยว
”อย่า อยู่ อย่าง อยาก” สี่คำเท่านี้



เสียง “อะ” ไม่เกี่ยวกลมเกลียวทุกคำ
ไม่มีเงื่อนงำฝึกจำให้ดี
เหมือน “ห” นำเชียวเหมือนกันเลยนี่
หลักการที่มีจำให้ขึ้นใจ



ข้อยกเว้น
คำบางคำออกเสียงตามความนิยม เช่น






ขมา


อ่านว่า


ขะ - มา



สมา


อ่านว่า


สะ - มา















หมายเหตุ


มีหนังสือหลักภาษาไทยบางเล่ม ยกตัวอย่างคำอักษรนำที่มีเสียงพยางค์หน้าเน้นเสียงอะ เช่น คำว่า สบาย
สบง ขบวน ทนาย ฯลฯ และระบุว่าเป็นอักษรนำซึ่งความจริงยังไม่ถูกต้อง เพราะคำอักษรนำจะต้องเป็นคำที่เป็นอักษร
สูง หรือ อักษรกลาง นำอักษรต่ำเดี่ยว จึงจะจัดเป็นคำอักษรนำ ส่วนคำว่า สบาย สบง ขบวน ทนาย คำเหล่านี้ไม่จัด
เป็นอักษรนำ เพราะคำเหล่านี้แม้จะออกเสียง ๒ พยางค์ และพยางค์หน้าออกเสียงอะ โดยไม่ประวิสรรชนีย์ก็จริง แต่เสียงพยางค์ของคำทั้ง ๒ คำ เป็นอิสระแก่กัน เช่น คำว่า สบาย อ่านว่า สะ-บาย ตัว "บ" ไม่ต้องออกเสียงสูงตาม
ตัว "ส" และตัว "บ" ไม่ใช่อักษรต่ำเดี่ยว จึงไม่จัดเป็น อักษรนำ คำว่า ทนาย อ่านว่า ทะ-นาย ตัว "ท" เป็นอักษรต่ำ
ไม่ใช่อักษรสูง หรือ อักษรกลาง อักษรนำจะต้องใช้พยัญชนะตัวแรกเป็นอักษรสูงหรืออักษรกลางเท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น